เมื่อ Rod และ Cesar ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์กาแฟ BLK & Bold พร้อมที่จะสร้างเว็บไซต์ พวกเขาได้พิจารณาทุกทางเลือก
Rod ซึ่งเป็น Chief Values Officer กล่าวว่า "เราเริ่มจากการลองผิดลองถูกนิดหน่อย อาจจะเป็น Wix, Squarespace หรือ WordPress"
ในที่สุด พวกเขาก็เลือกทำ Shopify เพราะ Shopify ช่วยให้พวกเขาเริ่มต้นร้านค้าและขยายธุรกิจไปยังช่องทางการขายต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง
Rod กล่าวว่า "สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกใช้ Shopify เหนือแพลตฟอร์มอื่นคือความใช้งานง่าย ตอบโจทย์เราได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในฐานะผู้ประกอบการที่เริ่มต้นด้วยตนเอง ในตอนนั้น การลดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับเรา"
นี่คือวิธีง่ายๆ ในการการออกแบบและเปิดตัวร้านค้าของคุณด้วย Shopify กันเลย
สอนทำ Shopify วิธีเปิดร้านมีขั้นตอนยังไง?
- สร้างบัญชี Shopify
- เพิ่มสินค้า
- เลือกธีมของคุณ
- ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ
- เพิ่มโดเมนที่กำหนดเอง
- ตั้งค่าการจัดส่ง
- ตั้งค่าการชำระเงิน
- เพิ่มหน้า
- เชื่อมต่อแอป
- สร้างคำสั่งซื้อทดสอบ
- เปิดตัวร้านค้าของคุณ
1. สร้างบัญชี Shopify
ไปที่ Shopify และสร้างบัญชี แผน Shopify Basic เริ่มต้นด้วยการทดลองใช้ฟรีสามวัน หลังจากทดลองใช้สิ้นสุด เดือนแรกของคุณมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 33 บาท หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,290 บาทต่อเดือน
จากบัญชีของคุณ คุณสามารถสำรวจแดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ Shopify ซึ่งเป็นศูนย์กลางควบคุมสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณได้ คลิกที่เมนูแนวตั้งทางด้านซ้ายมือเพื่อทำความคุ้นเคยกับคุณสมบัติหลักของแดชบอร์ดได้
คุณจะได้ใช้แดชบอร์ดนี้อีกครั้งเพื่อออกแบบร้านค้า สร้างแคมเปญการตลาด จัดระเบียบข้อมูลลูกค้า จัดการสินค้าคงคลัง และตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน
2. เพิ่มสินค้า
มาดูขั้นตอนการสอนทำ Shopify ข้อต่อไป นั่นก็คือการเลือก “สินค้า” ที่ด้านซ้ายของหน้าต่างเบราว์เซอร์ของคุณ จากนั้นเลือก “เพิ่มสินค้า” เพื่อไปยังส่วนสินค้าในแดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ
ป้อนชื่อและคำอธิบายสินค้าชิ้นแรกของคุณ อัปโหลดรูปภาพ และเพิ่มข้อมูลราคา นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มหมวดหมู่สินค้า ตัวเลือกสินค้า เช่น สีหรือขนาด SKU หรือข้อมูลบาร์โค้ดได้ ถัดไป ให้เลือกช่องทางการขาย กำหนดค่าตัวเลือกการติดตามภาษีและสินค้าคงคลัง และแก้ไขชื่อและคำอธิบายสำหรับเครื่องมือค้นหาของสินค้า
เมื่อคุณเพิ่มสินค้าชิ้นแรกเสร็จแล้ว ให้คลิก “บันทึก” คุณสามารถเพิ่มสินค้าที่เหลือได้ตอนนี้ หรือจะเก็บงานนี้ไว้ทำทีหลังก็ได้ แต่ควรพิจารณาเพิ่มสินค้าสักสองสามรายการเพื่อเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้การทดลองใช้ตัวเลือกการแสดงผลสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อคุณเลือกธีมการออกแบบ
3. เลือกธีมของคุณ
ธีมของ Shopify คือเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยให้คุณเริ่มต้นออกแบบร้านค้า วิธีการจัดระเบียบ และคุณสมบัติของร้านค้าได้อย่างรวดเร็ว
คุณสามารถสำรวจธีมฟรีและเสียเงินมากกว่า 100 ธีมใน Shopify Theme Store จากนั้นเลือกธีมที่เหมาะที่สุดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ และปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของแบรนด์และฟังก์ชันการทำงานของคุณได้เลย
จากคู่มือการตั้งค่า ให้เลือก “ปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณ” และ “ปรับแต่งธีม” แดชบอร์ดผู้ดูแลระบบจะแสดงธีมปัจจุบันของคุณที่ด้านบนสุดของส่วนนั้น เลื่อนลงไปที่ “คลังธีม” และคลิก “เพิ่มธีม” จากนั้นคลิก “เยี่ยมชมร้านค้าธีม” เรียกดูร้านค้า โดยเลือก “ธีมทั้งหมด” เพื่อดูทั้งคลัง หรือ “คอลเลกชัน” เพื่อกรองผลลัพธ์ตามสไตล์ ฟีเจอร์ หรือราคา
ค้นหาธีมที่คุณชอบและคลิก “ลองธีม” เพื่อเพิ่มลงในห้องสมุดธีมของคุณ กลับไปที่ห้องสมุดธีมของคุณ คลิกปุ่ม “เผยแพร่” ใต้ชื่อธีมใหม่ของคุณ และคลิก “ดูร้านค้าของคุณ” ที่มุมขวาบนของหน้าต่างเบราว์เซอร์เพื่อดูตัวอย่างการออกแบบของคุณ
ทดลองใช้ธีมต่างๆ จนกว่าคุณจะพบธีมที่เหมาะสมกับความต้องการในการจัดระเบียบและ แนวทางแบรนด์ ของคุณ
4. ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ
ให้ไปที่ส่วนธีม ผ่านคู่มือการตั้งค่า หรือจะคลิกเลือกที่ “ช่องทางการขาย” ตามด้วย “ร้านค้าออนไลน์” และ “ธีม” จากเมนูแนวตั้งทางด้านซ้ายมือก็ได้ครับ จากนั้นเลื่อนลงมาที่ธีมปัจจุบันของคุณ แล้วคลิก “ปรับแต่ง” เพื่อเปิดเครื่องมือแก้ไขเว็บไซต์
ใช้เครื่องมือนี้เพื่อแก้ไขแต่ละหน้า เพิ่มเนื้อหา และปรับแต่งการตั้งค่าธีมของคุณ หากต้องการแก้ไขเนื้อหาหน้า ให้มองหาเมนูแนวตั้งทางซ้ายมือ แล้วคลิกที่ไอคอน “ส่วนต่าง ๆ” จากนั้นเลือกหน้าที่ต้องการจากรายการดรอปดาวน์ในแถบเมนูแนวนอน แล้วอัปเดตเนื้อหาที่แสดงผ่านเครื่องมือแก้ไขเว็บไซต์แบบเรียลไทม์
ขั้นตอนสอนทำ Shopify ช่วงนี้ สิ่งที่ควรรู้คือในการปรับเปลี่ยนการตั้งค่าให้มีผลกับทั้งเว็บไซต์คือการเลือกไอคอน “การตั้งค่าธีม” จากแถบเมนูแนวตั้ง เครื่องมือสร้างเว็บไซต์จะแสดงรายการการตั้งค่าที่ครอบคลุม เช่น โลโก้ สี รูปแบบตัวอักษร เลย์เอาต์ และมีเดียต่าง ๆ ให้คลิกที่แต่ละรายการเพื่อดูค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้าของธีม และปรับใช้การเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเปลี่ยนแบบอักษรของข้อความหัวข้อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของแบรนด์ ก็ให้เลือก “รูปแบบตัวอักษร” ตามด้วย “หัวข้อ” และคลิก “เปลี่ยน”
5. เพิ่มโดเมนที่กำหนดเอง
ชื่อโดเมนคือ URL สำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณ โดย URL เริ่มต้นของร้านค้า Shopify จะเป็นโดเมน myshopify.com ซึ่งคุณสามารถใช้โดเมนนี้ได้ฟรี หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ คุณสามารถซื้อโดเมนใหม่ หรือเชื่อมต่อโดเมนที่คุณมีอยู่แล้วได้
หากต้องการไปที่การตั้งค่าโดเมน ให้กลับไปที่คู่มือการตั้งค่าและคลิกที่ “ขายสินค้า” ตามด้วย “เพิ่มโดเมนที่กำหนดเอง”และ “เพิ่มโดเมน” นอกจากนี้ คุณยังสามารถไปที่ส่วนนี้ได้โดยคลิก “การตั้งค่า” ที่มุมซ้ายล่าง
แดชบอร์ดจะแสดง URL myshopify.com ที่กำหนดให้โดยอัตโนมัติ หากคุณมีโดเมนที่กำหนดเองอยู่แล้ว ให้คลิก “เชื่อมต่อโดเมนที่มีอยู่” และทำตามขั้นตอนเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับร้านค้าออนไลน์ของคุณ
หากคุณยังไม่มีโดเมน ให้คลิก “ซื้อโดเมน” เพื่อซื้อโดเมนที่กำหนดเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถซื้อโดเมนจากผู้รับจดทะเบียนภายนอก แล้วเพิ่มโดเมนนั้นโดยใช้ขั้นตอน “เชื่อมต่อโดเมนที่มีอยู่” ได้เช่นกัน
6. ตั้งค่าการจัดส่ง
กลับไปที่คู่มือการตั้งค่าและเลือก “การตั้งค่าร้านค้า” จากนั้น “ตั้งอัตราการจัดส่งของคุณ” เพื่อไปยังส่วนการจัดส่งและการส่งมอบในแดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ
Shopify จะเพิ่มโซนการจัดส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศโดยอัตโนมัติ ซึ่งกำหนดอัตราการจัดส่งและช่วยให้คุณเก็บภาษีได้ คุณสามารถไปที่ศูนย์ช่วยเหลือ Shopify เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บภาษีของ Shopify หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
ใช้แดชบอร์ดผู้ดูแลระบบเพื่อเพิ่มและลบโซน รวมถึงปรับอัตราค่าบริการให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดส่งของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณวางแผนที่จะเสนอการจัดส่งฟรี คุณอาจกำหนดค่าจัดส่งภายในประเทศเป็น $0 และรวมค่าใช้จ่ายในการจัดส่งไว้ในราคาสินค้าแทน
นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำหนดวิธีการจัดส่ง จ้างกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อภายนอกผ่านเครือข่ายการจัดส่งของ Shopify ได้อีกด้วย
7. ตั้งค่าการชำระเงิน
จากเมนูตั้งค่า ให้ไปที่ “การตั้งค่า” แล้วเลือก “การชำระเงิน” ในส่วนนี้ คุณสามารถเปิดใช้งาน Shopify Payments ได้ ร้านค้าที่ใช้ Shopify Payments จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม สำหรับการชำระเงินที่ประมวลผลผ่าน Shopify Payments, Shop Pay หรือ PayPal Express รวมถึงการชำระด้วยเงินสดหรือการโอนเงินผ่านธนาคารด้วย
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้แดชบอร์ดเพื่อเชื่อมต่อกับช่องทางการรับชำระเงิน หรือผู้ให้บริการชำระเงินอื่น ๆ ที่ Shopify อนุมัติ รวมถึงการตั้งค่าตัวเลือกการชำระเงินแบบแมนนวล เช่น การฝากเงินผ่านธนาคาร การสั่งจ่ายเงิน หรือการเก็บเงินปลายทาง
8. เพิ่มหน้า
ร้านค้า Shopify ของคุณมาพร้อมกับหน้าหลัก หน้าติดต่อ และหน้าชำระเงินที่สร้างไว้ล่วงหน้า และ Shopify จะสร้างและใส่ข้อมูลในหน้าสินค้าให้เมื่อคุณเพิ่มสินค้าในร้านค้า คุณสามารถแก้ไขเนื้อหาหน้าในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ และกำหนดการตั้งค่าหน้าชำระเงินและการตั้งค่าบัญชีลูกค้าได้โดยคลิก “การตั้งค่า” แล้วตามด้วย “การชำระเงิน” ที่ด้านล่างของเมนูแนวตั้งด้านซ้ายมือ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มหน้าประเภทอื่น ๆ ได้ เช่น หน้าเกี่ยวกับ ที่แสดงเรื่องราวของแบรนด์คุณ หรือหน้าสมัครงานที่โฆษณาโอกาสทางอาชีพ หากต้องการเพิ่มหน้า ให้เลือก “ร้านค้าออนไลน์” แล้วตามด้วย “หน้า” จากเมนูแนวตั้งทางด้านซ้ายมือของแดชบอร์ด จากนั้นคลิก “เพิ่มหน้า” และป้อนข้อมูลหน้าใหม่
9. เชื่อมต่อแอป
แอปสามารถช่วยขยายฟังก์ชันการทำงานของร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ Shopify App Store มีแอปพลิเคชันนับพันรายการ ทั้งแอปพลิเคชันดั้งเดิมและแอปพลิเคชันจากผู้ให้บริการภายนอก เพื่อช่วยคุณจัดการร้านค้าและช่องทางการขายอื่น ๆ จัดการคำสั่งซื้อ และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมร้านค้าของคุณ
หากต้องการเชื่อมต่อแอป ให้เลือก “การตั้งค่า” ตามด้วย “แอปและช่องทางการขาย” คลิก “Shopify App Store” เพื่อเยี่ยมชม App Store จากนั้นเรียกดูแอป หรือใช้แถบค้นหาเพื่อค้นหาแอปตามชื่อหรือตามฟังก์ชันการทำงานได้
ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้แอปพลิเคชันเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของคุณในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา หรือเลือกส่วน “การตลาดและการเปลี่ยน” จากเมนูแบบดรอปดาวน์เพื่อดูคอลเลกชันของแอปที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างผู้เข้าชมแบบออร์แกนิก เพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันและเพิ่มมูลค่าเฉลี่ยของคำสั่งซื้อ
เจ้าของร้านค้าใหม่มักจะได้รับประโยชน์จากแอปการดรอปชิป ซึ่งช่วยให้คุณค้นหาและเพิ่มสินค้าเพื่อขายโดยไม่จำเป็นต้องจัดการสินค้าคงคลังด้วยตัวเอง
10. สร้างคำสั่งซื้อทดสอบ
คำสั่งซื้อทดสอบเป็นการตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้นตอนการชำระเงินของคุณทำงานอย่างถูกต้อง และการประมวลผลคำสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง, และการตั้งค่าการจัดนั้นส่งถูกต้อง ก่อนจะเปิดตัวร้านค้า
ให้กลับไปที่คู่มือการตั้งค่า แล้วไปที่ส่วนสุดท้าย “เปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของคุณ” จากนั้นคลิก “สั่งซื้อทดสอบ” เพื่อดูคำแนะนำในการสั่งซื้อทดสอบของ Shopify หากคุณใช้ Shopify Payments คุณสามารถสั่งซื้อสินค้าในโหมดทดสอบได้ หรือคุณสามารถเลือกใช้ Bogus Gateway ของ Shopify หรือสั่งซื้อและยกเลิกคำสั่งซื้อจากผู้ให้บริการชำระเงินภายนอกก็ได้ ในทุกกรณี คุณจะต้องไปที่หน้าชำระเงินของคุณและสั่งซื้อสินค้าแบบเดียวกับที่ลูกค้าของคุณจะทำ
ลองทดสอบวิธีการชำระเงินหลายๆ วิธี และสั่งซื้อหลายรายการโดยใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถทดสอบรหัสส่วนลด และป้อนที่อยู่จัดส่งหลายแห่งเพื่อยืนยันว่าเว็บไซต์ของคุณคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง
11. เปิดร้านค้าของคุณ
Shopify จะปกป้องร้านค้าของคุณด้วยรหัสผ่านโดยอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา เมื่อคุณพร้อมที่จะเปิดตัวแล้ว ให้กลับไปที่คู่มือการตั้งค่าและคลิกที่ “เปิดตัวเว็บไซต์ของคุณ” จากนั้นคลิก “ลบรหัสผ่าน”
ป้อนชื่อหน้าหลัก และ Meta Description (ข้อความที่จะปรากฏในส่วนรายการผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา) จากนั้นเพิ่มรูปภาพสำหรับการแชร์บนโซเชียล และเชื่อมต่อ Google Analytics หรือเพิ่ม Meta pixel หากเกี่ยวข้อง สุดท้าย เลื่อนลงไปที่ส่วนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน และลบรหัสผ่านของคุณออก เพื่อเปิดตัวร้านค้าสู่สาธารณะ และเริ่มขายสินค้าออนไลน์ได้เลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสอนทำ Shopify
Shopify ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่หรือไม่
ใช่ แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายของ Shopify มีทุกสิ่งที่เจ้าของร้านค้าอีคอมเมิร์ซมือใหม่ต้องการในการตั้งค่าและดำเนินการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไปที่ Shopify เพื่อลงทะเบียนทดลองใช้ฟรี 3 วัน และจ่ายเพียง $1 สำหรับ 30 วันแรกของคุณ
เราสามารถเรียนรู้ Shopify ได้ฟรีหรือไม่
ได้ Shopify ช่วยให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์คนใหม่เปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่สวยงามและใช้งานได้จริงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย คุณสามารถลงทะเบียนได้ฟรีและเริ่มสร้างร้านค้าออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้
ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นกับ Shopify
Shopify มีการทดลองใช้ฟรี 3 วัน และคุณสามารถจ่ายเพียง 33 บาทโดยประมาณสำหรับ 30 วันแรกของคุณ หลังจากเดือนแรก คุณสามารถสมัครใช้แผน Shopify Basic ในราคาประมาณ 650 บาทต่อเดือน 39 ต่อเดือน


