การเริ่มสร้างบล็อกสามารถสร้างผู้ติดตามที่เป็นแฟนตัวยงให้กับธุรกิจของคุณได้ ลองดู 3 ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งเริ่มด้วยวิธีสร้างบล็อกอย่าง Epic Gardening, The Pioneer Woman หรือ Glossier โดยผู้ก่อตั้งเหล่านี้ใช้บล็อกเพื่อสานสัมพันธ์กับผู้ชมก่อนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ การเขียนบล็อกจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้ หรือถ้าเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ การเขียนบล็อกจะช่วยสร้างผู้ชมก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจะตามมาด้วยวิธีการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการ
คู่มือนี้จะแสดงวิธีการเริ่มต้นและพัฒนาบล็อกให้ประสบความสำเร็จ เหมาะกับคนที่ต้องการโปรโมทธุรกิจที่ทำอยู่หรือเปลี่ยนการเขียนบล็อกให้เป็นงานเสริม
บล็อกคืออะไร?
บล็อกคือเว็บไซต์ที่มีการอัปเดตเนื้อหาในรูปแบบบทความอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะต่างจากการเผยแพร่แบบดั้งเดิม โดยบล็อกจะมีลักษณะการสื่อสารในแบบของตัวเองที่ช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อ่านได้
เหตุผลในการเริ่มสร้างบล็อกอาจมีดังนี้
- แบ่งปันความรู้และประสบการณ์
- สอนทักษะที่มีประโยชน์ให้กับผู้อื่น
- สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญ
- สร้างรายชื่อลูกค้าทางอีเมล
- สร้างรายได้
การเขียนบล็อกต้องอาศัยความมุ่งมั่น แต่ก็อาจให้ผลตอบแทนที่น่าทึ่งได้เมื่อผู้อ่านเริ่มมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ กำหนดตารางการเผยแพร่ว่าจะให้เป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน และพยายามทำให้ได้ตามเวลาตรงนี้ เน้นที่คุณภาพที่สม่ำเสมอและประเด็นที่โดนใจผู้ชม
อย่าลืมว่าบล็อกที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการสร้างแรงกระตุ้น เมื่อคุณเริ่มต้น ให้มองที่เป้าหมายระยะยาว
10 ขั้นตอนวิธีสร้างบล็อก
- เลือกกลุ่มเป้าหมายของบล็อก
- วางแผนกลยุทธ์การสร้างรายได้
- เลือกแพลตฟอร์มการเขียนบล็อก
- ตั้งชื่อบล็อก
- ตัดสินใจเลือกประเภทคอนเทนต์
- สร้างปฏิทินเนื้อหา
- เขียนบล็อกสำหรับโพสต์แรก
- โปรโมตบล็อกของคุณ
- อัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
- รักษาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และคุณค่า
วิธีสร้างบล็อกนั้นง่าย แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการรักษาความสม่ำเสมอ ซึ่งเราจะมาดูกันแบบทีละขั้นตอน
1. เลือกกลุ่มเป้าหมายของบล็อก
เครื่องมือช่วยเขียนด้วย AI ทำให้การสร้างคอนเทนต์ในปริมาณมากนั้นง่ายกว่าที่เคย สำหรับการทำให้โดดเด่น เราจะมุ่งเน้นไปที่สองกลยุทธ์หลักคือการค้นหากลุ่มเป้าหมายเฉพาะและสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่าน
มองหากลุ่มเฉพาะที่แคบแต่มีรายละเอียดเชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้คุณมีไอเดียสร้างคอนเทนต์ได้อย่างสม่ำเสมอ สร้างความเชี่ยวชาญในสายเฉพาะของตัวเอง และสานสัมพันธ์กับผู้ชมที่มีความสนใจในแบบเดียวกัน
ถึงแม้จะเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันสูง คุณก็สามารถทำให้บล็อกของคุณแตกต่างได้ โดยอาจเน้นไปที่โซนพื้นที่ใกล้บ้าน เช่น บล็อกอาหารที่ในนิวยอร์ก หรือเจาะลึกในกลุ่มเฉพาะ เช่น การอบขนมวีแกน คุณอาจพัฒนาสไตล์การเขียนที่เป็นเอกลักษณ์หรือสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมมากกว่าคู่แข่งของคุณได้
Epic Gardening คือตัวอย่าง โดยผู้ก่อตั้ง Kevin Espiritu มองเห็นโอกาสในการทำให้เรื่องการทำสวนในแบบที่ซับซ้อน เช่น ไฮโดรโปนิกส์ นั้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับชาวสวนทั่วไป โดย Kevin บอกกับ Shopify Masters ว่า “เราสร้างคอนเทนต์เพื่อช่วยให้คุณเป็นชาวสวนที่เก่งขึ้น” โดยเขาเลือกทำสวนที่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเรื่องให้ทำได้แบบไม่รู้จบ ตั้งแต่พืชในบ้านไปจนถึงการทำฟาร์ม ซึ่งทำให้ Epic Gardening รักษาคุณภาพคอนเทนต์ได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Epic Gardening
2. วางแผนกลยุทธ์การสร้างรายได้
กลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกลยุทธ์คอนเทนต์ของคุณเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อวิธีสร้างรายได้จากบล็อกของคุณด้วย
การสร้างรายได้จากบล็อกเริ่มจากการสร้างยอดการเข้าชม แต่การใช้การเข้าชมนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ โดยคุณอาจเน้นไปที่ยอดการเข้าชมที่สูงเพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income ผ่านโฆษณาแสดงผล หรือมุ่งเป้าไปที่ผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่อยากจะซื้อเพื่อขายผลิตภัณฑ์หรือบริการก็ได้
หากคุณเลือกที่จะขาย คุณมีตัวเลือกมากมาย โดยอาจเป็นการให้คำปรึกษา คอร์สออนไลน์ ผลิตภัณฑ์แบบจับต้องได้ การดาวน์โหลดดิจิทัล หรือแพ็กเกจการให้คำปรึกษา สิ่งสำคัญคือการจับคู่ข้อเสนอของคุณกับความต้องการของผู้ชม
เส้นทางของ Epic Gardening แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของคุณเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ โดย Kevin เริ่มจากการสร้างรายได้จากบล็อกแบบดั้งเดิมคือโฆษณาแสดงผล การตลาดแบบ Affiliate และการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ และขยายไปสู่การค้าออนไลน์ โดยเขาอธิบายว่า “สำหรับการทำสวนก็เหมือนกับการทำอาหารหรืองานไม้ หรือกิจกรรมที่บ้านอื่น ๆ มีอุปกรณ์มากมายที่คุณสามารถใช้ทำเงินได้ถ้าคุณต้องการจริง ๆ”
3. เลือกแพลตฟอร์มการเขียนบล็อก
ก่อนที่คุณจะเขียนบล็อกเป็นโพสต์แรก คุณจะต้องตั้งค่าโฮสติ้งบล็อกและระบบการจัดการเนื้อหา หากคุณใช้ Shopify การตั้งค่าบล็อกของคุณนั้นก็ง่ายมาก ร้านค้า Shopify ของคุณมาพร้อมกับบล็อกในตัวที่เรียกว่า News เพื่อเขียนโพสต์แรกของคุณ โดยในแผงควบคุม Shopify ของคุณ ให้ไปที่ Online Store > Blog Posts ซึ่งบล็อกของคุณจะตรงกับ ธีม Shopify ของคุณโดยอัตโนมัติ

หรือถ้าไม่ใช้ Shopify คุณก็มีแพลตฟอร์มการเขียนบล็อกอีกมากมายให้ได้ลอง เช่น คุณอาจเริ่มด้วยบล็อก WordPress ที่โฮสต์เองและใส่ปุ่ม “ซื้อทันที” ของ Shopify ลงไปทีหลังเพื่อทำให้ผู้คนซื้อของได้จากคอนเทนต์ของคุณ
นี่คือสิ่งที่ควรมองหาเมื่อเลือกแพลตฟอร์ม
- ตอบโจทย์ความต้องการของโฮสติ้งเว็บ
- ใช้งานง่าย
- ไม่ต้องอาศัยทักษะทางเทคนิคมาก
- เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจได้
คุณจะต้องคิดถึงอนาคตของบล็อกของตัวเองด้วย เมื่อแบรนด์ของคุณเติบโตและมียอดผู้เข้าชมเพิ่มขึ้น คุณอาจต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์เว็บไซต์หรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยแพลตฟอร์มของคุณต้องมีปลั๊กอินและแอปที่มีประโยชน์สำหรับงานต่างๆ เช่น
- การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์
- การสำรองข้อมูล
- การทำการตลาดให้กับบล็อก
- การจัดการเนื้อหา
4. ตั้งชื่อบล็อก
ถ้าคุณกำลังทำบล็อกของธุรกิจที่ทำอยู่ คุณสามารถเน้นย้ำถึงชื่อแบรนด์ ด้วยการตั้งชื่อบล็อกว่า "ข่าว" หรือ "บล็อก" และยังสามารถสร้างสรรค์แบรนด์ของคุณได้อีกด้วย เช่น Canyon Coffee ที่เรียกบล็อกของตัวเองว่า Journal หรือวารสาร ในขณะที่ CAP Beauty ใช้ชื่อว่า The Thinking CAP
หากบล็อกของคุณเป็นแบรนด์หลักของคุณเอง ให้เลือกชื่อที่มีลักษณะต่อไปนี้
- น่าจดจำ
- ออกเสียงง่าย
- สะกดง่าย
- แตกต่างจากคู่แข่ง
ชื่อบล็อกควรเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านรู้ได้ว่าคอนเทนต์ของคุณนั้นเกี่ยวกับอะไร
5. ตัดสินใจเลือกประเภทคอนเทนต์
วิธีสร้างบล็อกที่ประสบความสำเร็จคือการโพสต์อย่างสม่ำเสมอ สร้างกลยุทธ์คอนเทนต์เพื่อกำหนดตารางการเผยแพร่และช่วยให้คุณมีโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่เสมอ
นี่คือประเภทเนื้อหาที่ควรตัดสินใจเลือก
- เนื้อหาที่มีความยั่งยืน: บทความให้ความรู้ที่ยังคงมีคนต้องการศึกษาอยู่เสมอ
- เนื้อหาที่เป็นกระแส: โพสต์เกี่ยวกับเทรนด์และข่าวสารปัจจุบัน
- เนื้อหาที่คัดสรร: สรุปและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวสารในวงการต่าง ๆ
- บทความพิเศษ: บทสัมภาษณ์เชิงลึกและโปรไฟล์
ลองสร้างบทความแนะนำที่รวมเนื้อหาประเภทเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น Canyon Coffee จะโพสสูตรอาหารสั้นๆ กับบทความสัมภาษณ์ที่ใช้ชื่อว่า “Morning Ritual” สลับกันไป
ที่มา:. Canyon Coffee
6. สร้างปฏิทินเนื้อหา
เพื่อไม่ให้หมดไฟและไอเดีย คุณจะต้องวางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้า และนี่คือสิ่งที่ปฏิทินเนื้อหาของคุณควรมี
- ประเภทและหัวข้อเนื้อหา
- กลุ่มเป้าหมาย
- ช่องทางการเผยแพร่
- วันที่เผยแพร่
วางแผนโพสต์ของคุณล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนและพยายามลงโฑสต์ให้ได้สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านรู้ว่าคุณจะปล่อยคอนเทนต์ใหม่ตอนไหน
7. เขียนบล็อกสำหรับโพสต์แรก
เมื่อกลยุทธ์คอนเทนต์พร้อมแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเขียนบล็อกสำหรับโพสต์แรกของคุณแล้ว
เริ่มต้นด้วยการวิจัย ให้ค้นหาหัวข้อของคุณทางออนไลน์เพื่อดูว่ามีคอนเทนต์อะไรอยู่บ้าง จากนั้นเพิ่มมูลค่าในแบบของคุณเองผ่านการสัมภาษณ์ การทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือแหล่งข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสริมคอนเทนต์ที่มีอยู่
ก่อนที่จะเขียน ให้วางโครงร่างที่มีหัวข้อและประเด็นสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน ในขณะที่คุณเขียน ให้เสริมคอนเทนต์ของคุณด้วยประสบการณ์ส่วนตัวหรือข้อมูล และเชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้อ่าน
ก่อนที่จะเผยแพร่ ให้ขอความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนของคุณก่อน และเพิ่มชื่อบล็อกที่น่าสนใจและภาพที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้โพสต์ของคุณสมบูรณ์แบบ
8. โปรโมตบล็อกของคุณ
สร้างความน่าสนใจอย่างรวดเร็วโดยวางแผนกลยุทธ์การตลาดก่อนการเปิดตัว:
- สร้างจดหมายข่าวทางอีเมล: บอกให้ผู้อ่านรู้เกี่ยวกับโพสต์ใหม่และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมของคุณ
- เรียนรู้พื้นฐาน SEO ของบล็อก: การเข้าใจวิธีการทำงานของเครื่องมือค้นหาจะช่วยให้ผู้อ่านค้นหาคอนเทนต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
- เสริมสร้างการมีอยู่ในโซเชียลมีเดีย: แชร์โพสต์ของคุณและสร้างคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจงกับแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มผู้ติดตามของคุณ
- ใช้การวิเคราะห์: ตั้งค่า Google Analytics เพื่อติดตามเกณฑ์ชี้วัดที่สำคัญ เช่น เวลาที่อ่าน แหล่งที่มาของการเข้าชม และข้อมูลผู้เข้าชมแบบเรียลไทม์
9. อัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
การเติบโตของบล็อกหมายถึงการสร้างเนื้อหาใหม่และการอัปเดตโพสต์ที่มีอยู่ โดยนี่คือเหตุผลที่คุณควรอัปเดตเนื้อหาเก่า
- เพิ่มข้อมูลใหม่
- เชื่อมโยงไปยังโพสต์ที่เกี่ยวข้อง
- ลบข้อมูลที่ล้าสมัย
- ปรับปรุงสไตล์การเขียน
- แก้ไขลิงก์ที่เข้าไม่ได้
Epic Gardening ให้ความสำคัญกับความถูกต้องในการอัปเดต โดย Kevin กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ของเราในฐานะชาวสวนเท่านั้น แต่ยังต้องการแสดงให้เห็นถึงบางอย่างที่เราสามารถชี้นำได้ เช่น การศึกษาที่ยืนยันว่านี่คือคำแนะนำที่ดี”
10. รักษาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และคุณค่า
บล็อกที่ยั่งยืนจะต้องสร้างรายได้ แต่คุณภาพก็ควรเป็นสิ่งสำคัญสุด โดย Kevin จาก Epic Gardening เฝ้าดูความคิดเห็นของผู้อ่านอย่างใกล้ชิดเพื่อดูปฏิกิริยาของผู้อ่านต่อการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ เขาอธิบายว่า “มันมีขีดจำกัดอยู่ว่าคุณสามารถโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณได้แค่ไหนก่อนที่ผู้คนจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิด”
“แต่ถ้าไม่พูดถึงผลิตภัณฑ์มากพอ คุณก็จะไม่ได้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเลย ดังนั้นคุณต้องหาจุดที่ลงตัว ตรงนี้เป็นเรื่องของคุณค่าของเนื้อหาที่คุณสร้างขึ้น รูปแบบที่คุณสามารถนำเสนอให้ผู้ชมรู้สึกสนุกสนาน และการทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้คุณเก่งขึ้น”
วิธีสร้างบล็อกให้การสร้างรายได้สมดุลกับคุณค่า
การเริ่มต้นบล็อกสามารถทำเงินได้ โดยรายงานของบล็อกการเงินอย่าง Millennial Money บล็อกเกอร์มือใหม่สามารถทำรายได้สูงถึง 50,000 บาทในปีแรกของการทำบล็อก เมื่อคุณสร้างการเข้าชมและผู้ติดตาม รายได้อาจเติบโตมากกว่า 100,000 บาทในปีถัดไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีสร้างบล็อก
บล็อกเกอร์ทำเงินได้อย่างไร?
คุณสามารถทำเงินจากการเขียนบล็อกได้ผ่าน
1. ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและผลิตภัณฑ์จริง
2. อีบุ๊ก
3. การตลาดแบบ Affiliate
4. การสมัครสมาชิก
5. คอร์สออนไลน์
6. บริการให้คำปรึกษา
วิธีสร้างบล็อกโดยไม่มีเงินนั้นทำยังไง?
นี่คือวิธีเริ่มต้นด้วยเงินที่ไม่มาก
1. เลือกชื่อบล็อก
2. เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้ง
3. เลือกธีม Shopify หรือ WordPress ฟรี
4. เขียนและเผยแพร่โพสต์แรกของคุณ
5. โปรโมตเนื้อหา
6. เพิ่มวิธีการสร้างรายได้
เคล็ดลับที่ดีที่สุดสำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่คืออะไร?
1. สร้างรายชื่ออีเมลตั้งแต่วันแรก
2. ให้ความสำคัญกับ SEO เพื่อเพิ่มการเข้าชมแบบออร์แกนิก
3. สร้างแผนโซเชียลมีเดีย
4. นำเนื้อหาที่มีอยู่ของคุณมาทำใหม่
5. ติดตามการวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจผู้อ่าน
ค่าใช้จ่ายในการเริ่มเขียนบล็อกคือเท่าไหร่?
ปีแรกของการเขียนบล็อกมักมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 2,000 ถึง 8,000 บาท ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจโฮสติ้งและแพลตฟอร์มที่เลือก หลังจากการตั้งค่าระบบได้แล้ว การลงทุนหลัก ๆ จะเป็นเรื่องของเวลาในการสร้างคอนเทนต์


