รสนิยมของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือ ทุกคนต้องกิน
ลูกค้าอาจมีมากมายและความต้องการก็หลากหลาย ไม่ว่าธุรกิจอาหารจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสให้เริ่มต้นเสมอ
หากคุณกำลังวางแผนเริ่มต้นธุรกิจอาหารเป็นครั้งแรก ตามเรามาดูไอเดียด้านล่างพร้อมๆ กัน
13 ไอเดียธุรกิจอาหารที่เริ่มได้เลยวันนี้
- ฟู้ดทรัค
- ร้านไอศกรีม
- คลาสสอนทำอาหาร
- เชฟส่วนตัว
- ร้านกาแฟ
- ชุดอาหารสำเร็จรูป (Meal Kits)
- เบเกอรี่และขนมอบ
- ซอสและเครื่องปรุงรส
- ขนมขบเคี้ยวแบบบรรจุแพ็ก
- อาหารสำหรับเด็ก
- แยมและเยลลี่โฮมเมด
- อาหารออร์แกนิก
- ไวน์ เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ธุรกิจอาหารแต่ละแบบมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ลองพิจารณาสิ่งที่เหมาะกับแนวทางของตัวเอง แล้วเลือกไอเดียที่ตอบโจทย์มากที่สุด
ลองดู 13 ไอเดียธุรกิจอาหารที่จะช่วยแรงบันดาลใจจากธุรกิจจริงให้กับการเริ่มต้นของคุณ
1. ฟู้ดทรัค
ฟู้ดทรัคเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร ปัจจุบันตลาดฟู้ดทรัคทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 6.2% ต่อปี และไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไม
ธุรกิจฟู้ดทรัคเปิดโอกาสให้เชฟได้สร้างเมนูเฉพาะตัวเช่นเดียวกับร้านอาหาร แต่มีข้อได้เปรียบเรื่องความคล่องตัว สามารถเคลื่อนที่ไปหากลุ่มลูกค้าได้โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าเดินเข้ามาหา
ข้อดี
- ความคล่องตัว – สามารถขับรถไปหาลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นย่านใจกลางเมือง ชายหาด หรือสวนสาธารณะ
- ความคิดสร้างสรรค์ในการทำเมนู – ฟู้ดทรัคเปิดโอกาสให้เชฟออกแบบเมนูเฉพาะตัว โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดร้านอาหาร
ความท้าทาย
- ต้องศึกษาเรื่องกฎหมาย – แต่ละเมืองมีกฎระเบียบเกี่ยวกับพื้นที่ขายและเวลาทำการที่แตกต่างกัน รวมถึงข้อกำหนดจากหน่วยงานสาธารณสุข จึงต้องศึกษากฎเหล่านี้ให้ละเอียดก่อนเริ่มต้น
2. ร้านไอศกรีม
ไอศกรีมเป็นหนึ่งในของหวานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และเป็นไอเดียธุรกิจอาหารที่น่าสนใจ อุตสาหกรรมไอศกรีมคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 112 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) ทั่วโลก ภายในปี 2030 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไอศกรีมสามารถจับคู่กับขนมหวานอื่นๆ ได้หลากหลาย และมีหลายรูปแบบให้เลือก เช่น โยเกิร์ตแช่แข็ง ซอร์เบต์ เจลาโต และคัสตาร์ดแช่แข็ง ด้วยสูตรที่ปรับเปลี่ยนได้ไม่รู้จบ ทำให้ไอศกรีมเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ง่าย
ข้อดี
- พัฒนาสูตรได้อย่างอิสระ – ไอศกรีมสามารถพัฒนาเป็นรสชาติใหม่ๆ ได้ตลอด เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ชอบทดลองและคิดค้นเมนูที่ไม่เหมือนใคร
ความท้าทาย
- ยอดขายขึ้นอยู่กับฤดูกาล แม้ไอศกรีมจะขายดีในช่วงหน้าร้อน แต่ในฤดูหนาวยอดขายอาจลดลง อย่างไรก็ตาม ไอศกรีมเป็นสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแต่ละฤดูกาลได้ เช่น รสพัมพ์กิ้นสไปซ์ในฤดูใบไม้ร่วง หรือรสลูกกวาดในช่วงเทศกาลปลายปี
เมื่อ Ivana Orlovic และ William Hubbell สองบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน พัฒนาแป้งคุกกี้ที่กินได้แบบไร้ไข่ พวกเขารู้ว่ากำลังสร้างสิ่งพิเศษขึ้นมา แบรนด์ Sugar + Spoon ได้รวมไอศกรีมเข้ากับแป้งคุกกี้ และเพิ่มท็อปปิ้งหลากหลายชนิด จนกลายเป็นขนมหวานที่มีเอกลักษณ์
ปัจจุบัน Sugar + Spoon มีฐานลูกค้าออนไลน์ที่แข็งแกร่ง และขายผ่านหน้าร้านในซีแอตเทิล รวมถึงการออกบูธในอีเวนต์ฟู้ดทรัค และขายผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังมีชุด DIY ที่ให้ลูกค้าเลือกผสมรสชาติไอศกรีมในแบบของตัวเอง
3. คลาสทำอาหาร
หากคุณกำลังมองหาไอเดียธุรกิจอาหารที่เน้นการมีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์โดยตรง คลาสสอนทำอาหารอาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ การสอนเป็นงานที่ให้ผลตอบแทนทั้งด้านรายได้และความรู้สึก และยังมีหลายวิธีให้เลือกว่าจะนำเสนอคอร์สของตัวเองอย่างไร
สามารถเปิดคลาสสอนแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ตามความสะดวก อาจเลือกบันทึกวิดีโอล่วงหน้าให้ผู้เรียนดูตามเวลาที่ต้องการ หรือจัดคลาสสดแบบเวิร์กช็อปครั้งเดียว เพื่อสร้างประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ
ไม่ว่าทักษะด้านการทำอาหารจะอยู่ในระดับไหน การสอนคือโอกาสในการพัฒนาฝีมือและสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย
ข้อดี
- ขยายธุรกิจได้ง่าย – คลาสที่เริ่มจากขนาดเล็กสามารถพัฒนาเป็น แฟรนไชส์ หรือแพลตฟอร์มสอนทำอาหารออนไลน์ได้ และยังสามารถเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า อุปกรณ์ทำอาหาร หรือบริการเสริมอื่นๆ
ความท้าทาย
- ต้องเปิดเผยตัวตน – หากต้องการโปรโมตตัวเองในฐานะครูสอนทำอาหาร เจ้าของธุรกิจต้องกล้าแสดงออกและสร้างตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ คนที่ไม่ชอบออกสื่อหรือเป็นคนไม่ชอบสื่อสารโดยตรง อาจมองหาทางเลือกที่เหมาะสมกว่านี้
ก่อนที่ Nonna Nerina จะจากไปในปี 2023 คุณยายวัย 84 ปีที่เปิดครัวของเธอที่หมู่บ้านเล็กๆ ในอิตาลี เพื่อต้อนรับผู้เรียนจากทั่วโลกผ่านวิดีโอคอลออนไลน์
แบรนด์ Nonna Live ช่วยให้ผู้เรียนได้สัมผัสประสบการณ์ทำอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม พร้อมเรียนรู้สูตรอาหารที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ลูกค้าสามารถเลือกวันและเวลาผ่านเว็บไซต์ จากนั้นจะได้รับรายการวัตถุดิบที่ต้องเตรียม และเมื่อถึงเวลาคลาส ทุกคนจะเข้าร่วมเวิร์กช็อปแบบสดกับทีมคุณยายชาวอิตาเลียน
4. เชฟส่วนตัว
หากคุณเคยทำงานด้านการขาย คงเข้าใจดีว่าการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นทักษะสำคัญ และนี่คือไอเดียธุรกิจอาหารที่ให้โอกาสในการทำสิ่งนี้ การเป็นเชฟส่วนตัวอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เชฟส่วนตัวคือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารที่ถูกว่าจ้างให้ทำอาหารให้ลูกค้าถึงที่บ้าน มักให้บริการกับบุคคล ครอบครัว หรือแม้แต่บริษัทจัดเลี้ยง และสามารถรับงานในโอกาสพิเศษต่างๆ
ข้อดี
- สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง – เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการขายและเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
ความท้าทาย
- ต้องมีทักษะและประสบการณ์สูง – การเป็นเชฟส่วนตัวต้องใช้ฝีมือและความเชี่ยวชาญสูงกว่าธุรกิจอาหารทั่วไป เพราะคุณภาพอาหารและประสบการณ์ของลูกค้าเป็นจุดขายหลัก
- เวลาทำงานที่ไม่แน่นอน – ตารางงานอาจไม่ยืดหยุ่นเท่าธุรกิจอาหารประเภทอื่น เนื่องจากต้องทำงานตามเวลาของลูกค้า
5. ร้านกาแฟ
กาแฟเป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรประจำวันของหลายๆ คน ไม่น่าแปลกใจที่อุตสาหกรรมนี้คาดการณ์ว่าจะมีรายได้สูงถึง 174 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030
ต้นทุนของธุรกิจร้านกาแฟสามารถควบคุมได้ เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายจากซัพพลายเออร์ดรอปชิป ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าเอง
ธุรกิจขายกาแฟยังเปิดโอกาสให้แบรนด์ขนาดเล็กเติบโตได้ เนื่องจากลูกค้ามักให้ความสำคัญกับเอกลักษณ์และคุณภาพของกาแฟมากกว่าความคุ้นเคยกับแบรนด์ใหญ่
ข้อดี
- แบรนด์เล็กมีโอกาสเติบโต – แม้จะมีร้านกาแฟมากมาย แต่แบรนด์ขนาดเล็กสามารถสร้างเอกลักษณ์และดึงดูดลูกค้าได้ง่าย
- ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ – ด้วยตัวเลือกดรอปชิปมากมาย ทำให้ไม่ต้องสต๊อกสินค้าจำนวนมาก ผู้ประกอบการสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์แทนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เอง
ความท้าทาย
- การแข่งขันสูง – เนื่องจากกาแฟเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไป แบรนด์ต้องมีจุดเด่นและสร้างความแตกต่างให้ชัดเจน หากการพัฒนาแบรนด์ไม่ใช่จุดแข็ง อาจเป็นอุปสรรคในการทำตลาด
Steeltown Garage ร้านค้าจากเมืองแฮมิลตัน รัฐออนแทรีโอ เริ่มต้นจากการขายเสื้อยืดกราฟิกที่สะท้อนไลฟ์สไตล์สายเดินทาง ก่อนขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ปัจจุบัน Steeltown Garage จำหน่ายสินค้าหลากหลาย ทั้งอุปกรณ์สำหรับนักบิด ผลิตภัณฑ์กรูมมิ่ง ของสะสมแนววินเทจ โปสเตอร์ และแน่นอน กาแฟ จุดแข็งของแบรนด์นี้คือการสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจน แม้จะมีสินค้าหลายประเภท แต่ทุกอย่างยังคงเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี
6. ชุดอาหารพร้อมทำ
Meal Kits เป็นธุรกิจอาหารแบบเดลิเวอรีที่จัดส่งวัตถุดิบและสูตรอาหารแบบพรีพอร์ตชันให้ลูกค้าสามารถทำอาหารคุณภาพสูงได้เองที่บ้าน ความนิยมของธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผสมผสานความสะดวกของอาหารจานด่วนเข้ากับคุณภาพของอาหารทำเอง
Meal Kits สามารถขายผ่านโมเดลสมัครสมาชิก (Subscription-based) ที่ลูกค้าจะได้รับชุดอาหารใหม่เป็นประจำ หรือขายแบบ à la carte ให้ลูกค้าเลือกซื้อเป็นชุดตามต้องการ
ข้อดี
- ช่องว่างทางการตลาดที่ยังเปิดกว้าง – Meal Kits ยังเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างใหม่ ทำให้มีพื้นที่ให้แบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาแข่งขัน โดยเฉพาะการพัฒนาเมนูเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่มีในตลาด
ความท้าทาย
- การขนส่งอาหารสด – วัตถุดิบสดมีอายุการเก็บรักษาจำกัด และอาจมีความยุ่งยากในการจัดส่ง โดยเฉพาะการควบคุมอุณหภูมิระหว่างขนส่ง
The Dough Bros ร้านพิซซ่าเตาฟืนในเมืองกัลเวย์ ประเทศไอร์แลนด์ เปิดตัว ชุดทำพิซซ่า (Pizza Kit) สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกมาที่ร้าน โดยจัดเตรียมซอสและท็อปปิ้งให้ครบถ้วน ลูกค้าสามารถทำพิซซ่ารสชาติต้นตำรับได้เองที่บ้าน
แม้แบรนด์ใหญ่จะมีชื่อเสียงมากกว่า แต่จุดแข็งของ The Dough Bros คือการนำพิซซ่าที่ผู้คนชื่นชอบมาพัฒนาในรูปแบบ Meal Kit ที่มีเอกลักษณ์ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
7. ขนมอบ
ธุรกิจเบเกอรีเป็นหนึ่งในรูปแบบธุรกิจอาหารที่เก่าแก่ที่สุด ขนมอบได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลและงานพิเศษ ทำให้มีความต้องการตลอดทั้งปี และอุตสาหกรรมเบเกอรีสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) ต่อปี
ธุรกิจนี้สามารถต่อยอดได้หลากหลาย อาจโฟกัสที่ขนมอบสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร หรือเลือกขายขนมเฉพาะทาง เช่น ขนมปัง คุกกี้ เค้ก พาย หรือเพสตรี้
ข้อดี
- ความต้องการสูงสำหรับขนมอบเฉพาะทาง – แม้จะมีร้านเบเกอรีมากมาย แต่ขนมที่รองรับข้อจำกัดด้านอาหารยังหาซื้อได้ยาก ลูกค้าจำนวนมากยังต้องการตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ
ความท้าทาย
- ใช้เวลามากกว่าการทำอาหารทั่วไป – การอบขนมใช้เวลามากกว่าการทำอาหารประเภทอื่น และหากต้องการขยายธุรกิจ อาจต้องใช้ทีมงานมากขึ้น
- ต้นทุนสูงเมื่อต้องการขยายธุรกิจ – ค่าเช่าครัวเชิงพาณิชย์และต้นทุนพลังงานจากเตาอบขนาดใหญ่สามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
Katz Gluten Free เชี่ยวชาญด้านขนมอบที่ปราศจากกลูเตน และรองรับข้อจำกัดด้านอาหารที่หายากในตลาด ขนมของแบรนด์นี้มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ขนมปังโฮลวีต คัพเค้กไส้ครีม ไปจนถึงแอปเปิลฟริตเตอร์
8. ซอส
ซอสเป็นสินค้าที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพราะผู้ที่ชื่นชอบอาหารมักเปิดรับรสชาติใหม่ๆ และสนใจลองแบรนด์ที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะหากมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง
อีกจุดแข็งของธุรกิจซอสคือการสร้างฐานแฟนคลับ ลองนึกถึงความนิยมของซอสศรีราชา หรือชุมชนคนรักซอสเผ็ดที่มีอยู่ทั่วโลก ซอสเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้กับเมนูได้หลากหลาย ถ้าลูกค้าชอบรสชาติของคุณ พวกเขาจะอยากลองใช้กับอาหารทุกจาน
ซอสมีบทบาทในอาหารทุกวัฒนธรรม และสามารถปรับให้เหมาะกับข้อจำกัดด้านอาหารได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นซอสเค็ม หวาน เผ็ด หรือผสมผสานทั้งสามแบบ
นอกจากนี้ ซอสยังไม่ได้จำกัดแค่ในมื้ออาหาร ซอสขนมหวาน เช่น คัสตาร์ด บัตเตอร์สก็อต ฮอตฟัดจ์ และซอสผลไม้ ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน
ข้อดี
- ความภักดีของลูกค้า – หากลูกค้าพบรสชาติที่ถูกใจ พวกเขามักจะซื้อซ้ำอยู่เสมอ เพราะซอสเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้กับเมนูหลากหลาย
- ลูกค้าที่ชอบลองของใหม่ – ซอสเป็นหมวดหมู่ที่ลูกค้ามักเปิดรับแบรนด์ใหม่ โดยเฉพาะหากมีการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและแตกต่าง
ความท้าทาย
- หาสมดุลของรสชาติที่ลงตัว – จุดขายของซอสคือเอกลักษณ์ของรสชาติ แต่ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามักชอบรสชาติที่คุ้นเคย การสร้างสูตรที่สมดุลระหว่างความแปลกใหม่และรสชาติดั้งเดิมจึงเป็นความท้าทาย
Heartbeat Hot Sauce จากเมืองธันเดอร์เบย์ รัฐออนแทรีโอ พัฒนาสูตรซอสเผ็ดแบบโฮมเมดที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแค่ซอสพริก Piri Piri หรือซอสสไตล์ลุยเซียนาเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติใหม่ๆ อย่างสับปะรดและบลูเบอร์รี่ฮาบาเนโร
Heartbeat Hot Sauce สามารถผสมผสานรสชาติที่คุ้นเคยกับความแปลกใหม่ได้อย่างลงตัว และยังสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชุมชนของแบรนด์ผ่าน Instagram
9. ขนมขบเคี้ยวบรรจุหีบห่อ
ขนมขบเคี้ยวเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งทอด ถั่ว เพรทเซล ป๊อปคอร์น หรือกราโนล่าบาร์ ตลาดขนมขบเคี้ยวมีตัวเลือกมากมาย และเป็นส่วนสำคัญของทั้งการเดินทางผจญภัยและของกินเล่นยามดึก
อุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวในอเมริกาเหนือคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 71 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ
หากสามารถพัฒนาสินค้าที่มีจุดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ได้ ก็มีโอกาสที่จะนำขนมของคุณเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีก
ข้อดี
- มีตัวเลือกสินค้าหลากหลาย – สามารถพัฒนาสูตรขนมในรูปแบบต่างๆ และใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ความท้าทาย
- แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ – อุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวมีแบรนด์ที่ครองตลาดอยู่แล้ว การสร้างความแตกต่างและหาตำแหน่งที่เหมาะสมในตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
The Snaffling Pig จากสหราชอาณาจักร สร้างชื่อจากขนมขบเคี้ยวซิกเนเจอร์ พอร์คแครกลิง (Pork Crackling) ซึ่งเป็นขนมคล้ายมันฝรั่งทอด แต่ทำจากเนื้อหมูอบแห้งและปรุงรสอย่างเข้มข้น
นอกจากพอร์คแครกลิงแล้ว แบรนด์ยังขยายไปสู่ถั่ว พอร์ครินด์ ไส้กรอกอบแห้ง และแม้แต่เบียร์และไซเดอร์ที่ออกแบบมาให้เข้ากับขนมของแบรนด์
จุดแข็งของ The Snaffling Pig คือการสร้างแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมผับอังกฤษ นำเสนอรสชาติที่ชวนให้นึกถึงอาหารในบรรยากาศสบายๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น
10. อาหารเด็ก
พ่อแม่ทุกคนต้องการให้อาหารที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดกับลูก ทำให้อาหารเด็กเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก และยังเป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มต้นจากที่บ้านได้ง่าย
ธุรกิจอาหารเด็กยังมีศักยภาพในการขยายตัว เพราะอาหารสำหรับเด็กมีความหลากหลายตามช่วงวัย ตั้งแต่ นมผงสำหรับทารก อาหารบดสำหรับเด็กวัย 6 เดือนขึ้นไป ไปจนถึง อาหารกึ่งแข็งสำหรับเด็กวัยหัดเดิน
สิ่งนี้สร้างโอกาสทางธุรกิจในด้านการตลาดแบบต่อเนื่อง (Cross-Marketing) และการสร้างลูกค้าประจำที่ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพ่อแม่ต้องเปลี่ยนประเภทอาหารให้เหมาะกับพัฒนาการของลูก
ตลาดอาหารเด็กทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 213 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.7 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2034 แสดงให้เห็นว่ามีลูกค้ากลุ่มใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ข้อดี
- ลูกค้าซื้อซ้ำเป็นประจำ – ธุรกิจอาหารเด็กมีแนวโน้มที่จะสร้างลูกค้าประจำได้ง่าย เพราะพ่อแม่มักเลือกใช้แบรนด์ที่ไว้วางใจ และซื้อซ้ำจนกว่าลูกจะโต
- ช่องว่างทางการตลาดที่เปิดกว้าง – ปัจจุบันมีความต้องการสูงสำหรับ อาหารเด็กออร์แกนิก และอาหารที่เหมาะกับข้อจำกัดด้านโภชนาการ เช่น อาหารปราศจากกลูเตนและอาหารวีแกน
ความท้าทาย
- สร้างความไว้วางใจ – พ่อแม่มักระมัดระวังในการเลือกแบรนด์อาหารเด็ก การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ใหม่จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ
Fragola แบรนด์อาหารเด็กจากเมืองอินนิสฟิล รัฐออนแทรีโอ นำเสนออาหารเด็กที่สามารถสั่งซื้อเป็นครั้งเดียวหรือสมัครสมาชิกเพื่อรับเมนูใหม่ๆ ทุกสัปดาห์
Fragola ให้ความสำคัญกับ โภชนาการและความสดใหม่ของวัตถุดิบ หน้าแรกของแบบฟอร์มสั่งซื้อจะอธิบายรายละเอียดคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ พร้อมเนื้อหาที่แสดงให้เห็นว่าทำไมจึงเลือกวัตถุดิบบางชนิดแทนตัวเลือกอื่น
แบรนด์นี้เข้าใจดีว่าความไว้วางใจของพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด จึงมุ่งเน้นให้ลูกค้าทราบถึงความพิถีพิถันในการคัดเลือกส่วนผสมตั้งแต่แรก เพื่อสร้างจุดเด่นและสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ในตลาด
11. แยมและเจลลี่โฮมเมด
ธุรกิจแยมและเยลลี่โฮมเมดเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแบรนด์จากวัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกผลไม้หรือวัตถุดิบเอง การทำแยมที่บ้านไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงมาก และการใช้วัตถุดิบที่ปลูกเองจะช่วยเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์
ตลาดนัดเกษตรกรเป็นช่องทางสำคัญสำหรับการขายแยมโฮมเมด แม้ว่าจำนวนลูกค้าอาจน้อยกว่าการขายออนไลน์ แต่การขายแบบพบปะตัวต่อตัวช่วยสร้างความภักดีและเพิ่มโอกาสในการขายจากการบอกต่อ
ข้อดี
- แบรนด์ขนาดเล็กมีโอกาสได้เปรียบ – ลูกค้าจำนวนมากมองว่าแยมจากแบรนด์ใหญ่มีสารกันเสียและคุณค่าทางโภชนาการต่ำกว่า ทำให้แบรนด์เล็กที่เน้นความสดใหม่ได้รับความสนใจมากขึ้น
ความท้าทาย
- การบริหารเวลาและฤดูกาล – การปลูกวัตถุดิบเองอาจใช้เวลามาก และผลผลิตอาจขึ้นอยู่กับฤดูกาล ทำให้ต้องมีการวางแผนที่แม่นยำกว่าธุรกิจอาหารประเภทอื่น
Fruits of the Forage จากสหราชอาณาจักร เป็นแบรนด์ที่ขายแยม เยลลี่ มาร์มาเลด และซอสโฮมเมด จุดแข็งของแบรนด์นี้คือ การใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่นและเน้นความแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่
12. อาหารออร์แกนิก
อาหารออร์แกนิกหมายถึงอาหารที่ผลิตโดยใช้ปุ๋ยจากธรรมชาติแทนสารเคมี แม้มาตรฐานออร์แกนิกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่แนวคิดหลักเน้นที่ การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน รักษาสมดุลของระบบนิเวศ และลดการใช้สารเคมี
ความนิยมของอาหารออร์แกนิกเพิ่มขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสารกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ในการเกษตร ลูกค้าจำนวนมากหันมาเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ธุรกิจนี้สามารถเริ่มต้นได้ทั้งในรูปแบบการขายวัตถุดิบออร์แกนิกสด หรือการใช้วัตถุดิบออร์แกนิกเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร
ข้อดี
- จุดขายที่ชัดเจน – ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการใช้วัตถุดิบออร์แกนิกสามารถเป็นจุดเด่นของแบรนด์ได้
ความท้าทาย
- หาวัตถุดิบยากกว่า – วัตถุดิบออร์แกนิกบางชนิดอาจหาได้ยากหรือมีต้นทุนสูงกว่าวัตถุดิบทั่วไป
13. ไวน์ เบียร์ และสุรา
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสังคมที่พบได้ทั่วไป ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมตลอดปี และยังมีโอกาสสำหรับการทำตลาดตามฤดูกาล เช่น เครื่องดื่มใหม่สำหรับเทศกาลต่างๆ
เช่นเดียวกับแยมและเยลลี่ การทำไวน์สามารถเริ่มต้นจากการปลูกวัตถุดิบเอง และการจัดอีเวนต์ชิมไวน์เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
สำหรับเบียร์ คราฟต์เบียร์ (Craft Beer) หรือไมโครบรูเวอรี ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักดื่มเบียร์ให้ความสำคัญกับความพิเศษและรสชาติที่แตกต่าง ทำให้แบรนด์เล็กมีโอกาสแข่งขันได้
ในกรณีของเบียร์ โรงเบียร์ขนาดเล็ก (บางครั้งเรียกว่าไมโครเบียร์) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบเบียร์จึงให้ความสำคัญกับความพิเศษ และนี่เป็นสิ่งที่ให้ข้อได้เปรียบแก่แบรนด์เล็กๆ
ข้อดี
- ตลาดเปิดรับสินค้าใหม่ๆ – ลูกค้ามักมองหาความแปลกใหม่และความพิเศษ ทำให้พวกเขาเปิดรับแบรนด์ใหม่ได้ง่ายกว่าอาหารประเภทอื่น
- โอกาสในการทำตลาดแบบออฟไลน์ – เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่เหมาะกับงานอีเวนต์และงานสังสรรค์ ทำให้สามารถใช้การโปรโมตแบบพบปะลูกค้าได้ง่าย
ความท้าทาย
- กฎระเบียบที่ซับซ้อน – การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือแม้แต่แต่ละรัฐ ทำให้ต้องศึกษากฎระเบียบอย่างละเอียดก่อนเริ่มต้นธุรกิจ
Haus แบรนด์จากแคลิฟอร์เนียที่เชี่ยวชาญด้าน apéritifs หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีรสเข้มข้นแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำสำหรับดื่มก่อนมื้ออาหาร
จุดขายของ Haus คือการใช้ วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผลไม้ สมุนไพร และพืชท้องถิ่น เพื่อสร้างรสชาติที่สดชื่นและแตกต่างจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป
แบรนด์นี้ยังมีชุมชนที่แข็งแกร่งบน Instagram ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามสูตรเครื่องดื่มและไอเดียการเสิร์ฟเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการดื่ม
6 ขั้นตอนเริ่มธุรกิจอาหารขนาดเล็ก
- ตัดสินใจว่าจะขายผลิตภัณฑ์อาหารประเภทไหน
- เช็คไอเดียสินค้าและดูความต้องการของตลาด
- พัฒนาแผนธุรกิจ
- เริ่มสร้างแบรนด์
- เปิดร้านออนไลน์
- ขยายกลุ่มลูกค้า
ธุรกิจอาหารเติบโตได้ดีผ่านการทำตลาดแบบข้ามผลิตภัณฑ์ (Cross Promotion) สินค้าแต่ละชนิดสามารถเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการขยายแบรนด์ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน
ตัวอย่างเช่น ฟู้ดทรัคอาจให้บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ควบคู่ไปด้วย หรือคุณอาจขายอาหารเด็กที่เหมาะกับเด็กที่มีข้อจำกัดด้านโภชนาการโดยเฉพาะ หรือเหมือนกับ The Snaffling Pig ที่ขายขนมขบเคี้ยวแบบบรรจุแพ็กควบคู่กับเครื่องดื่มที่เข้ากัน
เราได้เขียนคู่มือฉบับละเอียดเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร ซึ่งคุ้มค่าที่จะอ่านหากคุณต้องการเจาะลึกอุตสาหกรรมนี้
และนี่คือภาพรวม
1. ตัดสินใจว่าจะขายอาหารประเภทไหน
การเลือกสินค้าชิ้นแรกอาจเป็นเรื่องยาก เพราะอุตสาหกรรมอาหารมีตัวเลือกมากมาย และไม่ง่ายที่จะรู้ว่าสินค้าไหนมีโอกาสดีที่สุด แต่คำถามแรกที่ควรถามตัวเองคือ "เราสนุกกับสิ่งนี้จริงๆ มั้ย?"
ถ้าคำตอบคือไม่ ก็ไม่ต้องเสียเวลาต่อ ความหลงใหลในธุรกิจเป็นแรงผลักดันสำคัญ ไม่ว่าไอเดียจะดูดีแค่ไหน ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจจริงๆ ก็ยากที่ธุรกิจจะเติบโตไปได้ไกล เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือดูว่าไอเดียนั้นมีโอกาสทำตลาดได้หรือไม่
2. เทสต์ไอเดียสินค้า
ก่อนลงทุนลงแรงไปกับธุรกิจ ควรมั่นใจก่อนว่ามีคนต้องการสินค้านี้จริงๆ เพราะไม่ว่าไอเดียจะดีแค่ไหน ถ้าตลาดไม่ตอบรับ ก็ไม่มีทางไปต่อได้
ลองพูดคุยกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จัดทดลองชิม สำรวจพฤติกรรมการซื้อ ศึกษาความต้องการของตลาด และดูว่ายังมีช่องว่างให้เราเข้าไปแข่งขันหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าไอเดียของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จแค่ไหน
3. พัฒนาแผนธุรกิจ
เมื่อมั่นใจว่าไอเดียมีศักยภาพ ก็ถึงเวลาวางแผนธุรกิจ แผนธุรกิจคือโรดแมปที่ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางของธุรกิจชัดเจนขึ้น ตั้งแต่สินค้า การตลาด การเงิน ต้นทุน ไปจนถึงการบริหารจัดการ
ไม่ต้องกังวลว่าต้องทำให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แต่ควรมีโครงสร้างที่ชัดเจนและยืดหยุ่นพอที่จะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ และหากต้องการแนวทางเพิ่มเติม ลองดูตัวอย่างเทมเพลตแผนธุรกิจของเราเพื่อใช้เป็นแนวทาง
4. เริ่มสร้างแบรนด์
การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท แต่ยิ่งสำคัญมากในอุตสาหกรรมอาหารที่มีการแข่งขันสูง แบรนด์ของคุณจะช่วยให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่ง ดังนั้น การออกแบบแบรนด์ที่มีความสอดคล้องและน่าสนใจจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ลองดูคู่มือของเราเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ เพื่อทำความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการค้นหากลุ่มเป้าหมาย ศึกษาความต้องการและความสนใจของลูกค้า และสร้างบุคลิกให้กับธุรกิจที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างลงตัว
5. สร้างร้านออนไลน์
เมื่อคุณสร้างแบรนด์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มสร้างร้านออนไลน์ เพิ่มสินค้าของคุณ สร้างคอลเลกชันต่างๆ และปรับแต่งธีมให้สอดคล้องกับองค์ประกอบการออกแบบทั้งหมดของแบรนด์เพื่อสร้างความสอดคล้องในการนำเสนอ
6. ขยายกลุ่มลูกค้า
เมื่อร้านค้าของคุณพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มดึงดูดลูกค้า วิธีการสร้างฐานผู้ติดตามมีหลายรูปแบบ เช่น การทำคอนเทนต์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กแบบออร์แกนิก ที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย หรือการใช้โฆษณาจ่ายเงินที่ช่วยขยายกลุ่มผู้ชมสำหรับคอนเทนต์ของคุณ
หรืออาจลองทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย หรืออาจเป็นไปได้ที่ธุรกิจของคุณเหมาะกับการสร้างคอนเทนต์บล็อกที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์การตลาดที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การสร้างแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย ผลิตภัณฑ์ และลักษณะเฉพาะของธุรกิจคุณ
เริ่มต้นธุรกิจอาหารด้วยต้นทุนต่ำ แต่ทำกำไร ด้วย Shopify
อุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีสินค้าหลากหลาย มีลูกค้าจำนวนมาก และมีโอกาสในการขยายธุรกิจที่ไม่จำกัด ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มากแค่ไหน นี่จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี การได้สร้างธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ทำให้คุณตื่นเต้นนั้นเป็นสิ่งที่เติมเต็มได้ยาก สำหรับคนรักอาหารและเชฟที่ทำอาหารที่บ้าน การเริ่มต้นธุรกิจอาหารเป็นโอกาสที่ดีในการทำเงินจากสิ่งที่คุณรัก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไอเดียธุรกิจอาหารที่ดีที่สุด
ธุรกิจอาหารไหนที่มีกำไรสูงที่สุด?
ธุรกิจอาหารทุกรูปแบบสามารถทำกำไรได้ดี แต่ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียธุรกิจอาหารที่มีต้นทุนต่ำและความเสี่ยงน้อย โดยไม่ต้องมีการจัดการสต๊อกสินค้า ลองดูคู่มือการทำธุรกิจแบบดรอปชิป (Dropshipping) ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์และขายสินค้า โดยที่ไม่ต้องผลิต เก็บสต๊อก หรือจัดส่งเอง แต่จะทำงานร่วมกับผู้ผลิตที่จัดการทั้งหมดให้และส่งสินค้าไปยังลูกค้าของคุณโดยตรง
ธุรกิจอาหารอะไรเหมาะที่สุดในการเริ่มต้น?
ไม่มีธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งที่เหมาะกับทุกคน แต่ในระดับบุคคล ควรเริ่มต้นธุรกิจอาหารที่คุณรักและมีความหลงใหล แม้ว่าคุณอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากก็ตาม ทักษะใหม่ๆ สามารถเรียนรู้ได้ และประสบการณ์จะมาเองตามเวลา แต่ความหลงใหลในธุรกิจของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เลือกธุรกิจที่ทำให้คุณตื่นเต้นมากที่สุด
อาหารอะไรที่สามารถขายและทำเงินได้?
อาหารทุกรูปแบบสามารถทำเงินได้ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าไอเดียของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การทดสอบไอเดียสินค้าโดยตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การเข้าใจความต้องการของลูกค้า และการศึกษาเกี่ยวกับกลุ่มผู้สนใจสินค้าของคุณจะช่วยให้เห็นว่ามีโอกาสในการทำธุรกิจหรือไม่
อาหารอะไรขายดีที่สุด?
อาหารที่ขายดีที่สุดมักจะมี 2 ลักษณะหลักๆ คือ การตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้า (เช่น Katz Gluten Free ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีอาการแพ้กลูเตน) หรือการนำเสนออาหารที่คุ้นเคย แต่เพิ่มความแปลกใหม่ที่น่าสนใจ (เช่น Sugar + Spoon ที่ขายคุกกี้โดว์รูปโคน)


