วงการบิวตี้ออนไลน์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ในปี 2023 ตลาดความงามออนไลน์ในสหรัฐฯ คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ประมาณ 86 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 94 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2026
1. Hismile แบรนด์อุปกรณ์ฟอกฟันขาวที่เติบโตด้วยพลังอินฟลู
เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดอย่าง Hismile เป็นแบรนด์ชุดฟอกฟันขาวสำหรับใช้ที่บ้าน ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 จากเงินลงทุนเพียง 20,000 ดอลลาร์ของผู้ก่อตั้งสองคน ก่อนจะเติบโตจนสร้างรายได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์ภายใน 6 ปี
ในช่วงเริ่มต้น Hismile เติบโตผ่านการร่วมงานกับ ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ในออสเตรเลีย และค่อยๆ ขยายสู่ระดับสากล ด้วยการร่วมงานกับคนดังอย่าง Kylie และ Kendall Jenner ซึ่งช่วยดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วโลก
ภาพหน้าแรกของ Hismile
ระหว่างที่แบรนด์เติบโต Hismile มีแบรนด์แอมบาสเดอร์กว่า 2,000 คน โปรโมตสินค้าให้พร้อมกันในแต่ละช่วงเวลา และเมื่อรวมกับโฆษณาที่รันบน Instagram และ Snapchat ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเว็บไซต์ของ Hismile ต้อง ทำงานได้อย่างเสถียรและรวดเร็วสำหรับผู้ใช้ทุกคน
ไม่ใช่แค่การรองรับทราฟฟิกจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำให้เว็บไซต์ดูดีและใช้งานได้ราบรื่น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหนหรือประเทศใด
เมื่อเวลาผ่านไป Hismile พัฒนาสู่แนวทางอีคอมเมิร์ซระดับสากล รองรับสกุลเงินและตัวเลือกการจัดส่งที่แตกต่างกัน ผ่าน 6 เว็บไซต์แยกตามภูมิภาค
ภาพผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าประเทศบนเว็บไซต์ Hismile
หน้าข้อมูลการจัดส่งของ Hismile ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยตัดรายละเอียดที่เกินจำเป็นออก และตรวจจับประเทศของผู้เข้าชมอัตโนมัติ เพื่อแสดงเฉพาะราคาค่าจัดส่งและเวลาจัดส่งที่เกี่ยวข้องจริง ๆ
ปัจจุบัน Hismile ส่งสินค้าไปมากกว่า 90% ของประเทศทั่วโลก และยังคงเติบโตในตลาดหลักอย่างต่อเนื่อง
“ตอนแรกเราเปิดขายทั่วโลกบนเว็บไซต์เดียว แต่ยอดขายในแต่ละตลาดเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ทันทีที่เราเริ่มขายด้วยสกุลเงินท้องถิ่น เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และปอนด์อังกฤษ”
Nik Mirkovic ผู้ร่วมก่อตั้ง Hismile กล่าว
2. ILIA Beauty ใช้ระบบที่ช่วยให้การช้อปปิ้งบิวตี้ออนไลน์ง่ายขึ้น
ILIA Beauty เป็นเว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดแบรนด์คลีนบิวตี้ที่โดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมความงามตามธรรมชาติและปกป้องผิวในเวลาเดียวกัน สินค้าของ ILIA จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกชื่อดังอย่าง Sephora และ Nordstrom
ตามที่ Lynda Berkowitz ซีอีโอของ ILIA ให้สัมภาษณ์กับ Glossy
การขายแบบขายตรงสู่ผู้บริโภคผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์ คิดเป็นเกือบ 50% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีต่อผู้ซื้อโดยตรง
ภาพหน้าแรกของ ILIA Beauty
ILIA มองว่าความงามและการดูแลผิวเป็นเรื่องเดียวกัน และถ่ายทอดแนวคิดนี้ชัดเจนบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้านความงามของตัวเอง
ทั้งหมดนี้มาจากความตั้งใจที่จะทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่สนุกและง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถค้นหาสีที่เหมาะกับตัวเองได้ด้วย Skin Tint Shade Finder เพียงอัปโหลดรูปเซลฟี่เพื่อให้ทีมของ ILIA ช่วยแนะนำเฉดสี หรือจะทำ แบบทดสอบหาเฉดสีที่ใช่ด้วยตัวเองก็ได้
ภาพหน้าแบบทดสอบหาเฉดสี Skin Tint Shade Finder ของ ILIA บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของแบรนด์
คุณสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วย Skin Tint Shade Finder ของ ILIA
ฟีเจอร์เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดแห่งนี้เข้าถึงได้สะดวก ผ่านเมนูด้านบนของทุกหน้า รวมถึงลิงก์จากหน้าสินค้าที่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ ในหน้าสินค้ายังมีส่วน “ดูตัวอย่างจากผู้ใช้จริง” ซึ่งแสดงรูปภาพและรีวิวจากลูกค้าจริงที่ได้รับการยืนยันแล้ว
ภาพเนื้อหา UGC บนหน้าผลิตภัณฑ์ของ ILIA Beauty
ลูกค้าศักยภาพสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ของ ILIA Beauty ดูเป็นอย่างไรเมื่อใช้จริงบนผิวของคนจริง
สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า พวกเขาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว โทนผิว อันเดอร์โทน ความกังวลผิว และผลลัพธ์ที่ต้องการจากการใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง
การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ของ ILIA มีผลอย่างมากต่อธุรกิจ ช่วย ลดอัตราการออกจากหน้าเว็บ ลดอัตราตีกลับ และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จบนช่องทางอีคอมเมิร์ซของแบรนด์
แบรนด์อื่นสามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้เช่นกัน เช่น
- ใช้เครื่องมือช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกสินค้าได้ง่ายขึ้น
- แสดงรีวิวและรูปจริงจากผู้ใช้จริง เพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์
ทั้งสองอย่างช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ และนำไปสู่ Conversion ที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
3. Beauty Heroes ให้ความสำคัญกับลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์
Beauty Heroes เป็นบริการค้นพบผลิตภัณฑ์บิวตี้แนวเฮลธ์ตี้ จุดเด่นหลักของแบรนด์คือระบบสมาชิกแบบรายเดือน ที่ส่งผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่คัดสรรเป็นพิเศษหนึ่งแบรนด์ในแต่ละเดือนถึงบ้านลูกค้า
ค่าสมาชิกอยู่ที่ประมาณ $40–$59 ต่อเดือน (ประมาณ 1,440–2,130 บาท) แต่สินค้าที่ได้รับในแต่ละกล่องมีมูลค่าอย่างน้อย $100 (ประมาณ 3,600 บาท) ซึ่งสร้างความคุ้มค่าที่เห็นได้ชัดให้กับสมาชิก
บนหน้าแรกของเว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุด Beauty Heroes จะเน้นแสดง แบรนด์ประจำเดือน อย่างชัดเจนที่ด้านบนสุดของหน้า พร้อมปุ่ม Join Now ที่ตามผู้ใช้ตลอดการเลื่อนหน้า ทำให้การสมัครสมาชิกเป็นเรื่องง่ายและเด่นชัดในทุกขั้นตอนของการใช้งาน
ภาพหน้าแรกของ Beauty Heroes
Beauty Heroes ช่วยให้ลูกค้าได้ค้นพบผลิตภัณฑ์บิวตี้ใหม่ ๆ ผ่านเว็บไซต์ของแบรนด์
สมาชิกยังได้รับส่วนลด 15% สำหรับสินค้าเกือบทุกชิ้นในร้าน ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เมคอัพ แฮร์แคร์ หรือสินค้าไลฟ์สไตล์
ในปี 2019 Beauty Heroes ตัดสินใจขยายจากออนไลน์สู่โลกออฟไลน์ ด้วยการเปิดร้านในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การคัดเลือกสินค้า มาตรฐานส่วนผสม และปรัชญาที่เหมือนกับบนเว็บไซต์ทุกประการ การเปิดร้านหน้าร้านจริงทำให้ Beauty Heroes ต้องมองหาโซลูชันในการจัดการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อผ่านช่องทางไหนก็ตาม
ภาพหน้าแลนดิ้งสำหรับร้านค้าปลีก Beauty Heroes ในแคลิฟอร์เนียเหนือ
“ความต้องการหลักของเราคือ ลูกค้าต้องสามารถใช้โปรไฟล์เดียวกันได้ ไม่ว่าจะช้อปออนไลน์หรือที่หน้าร้าน” Jeannie Jarnot ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของหนึ่งในเว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดอย่าง Beauty Heroes กล่าว โดยปัจจุบันบริษัทใช้ Shopify POS เพื่อเก็บข้อมูลโปรไฟล์ลูกค้า ประวัติการซื้อ และข้อมูลติดต่อทั้งหมดไว้ในที่เดียวอย่างเป็นระบบ
ระบบสมาชิกแบบคัดสรรและการทำงานแบบ Omnichannel ทำให้ Beauty Heroes โดดเด่นด้านความภักดีของลูกค้าและการรักษาฐานลูกค้า
4. 100% PURE เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดที่ใช้พลังจากฟีดแบ็ก
100% PURE ผู้ค้าปลีกเครื่องสำอางแนวธรรมชาติและออร์แกนิก โดยแบรนด์มีร้านหน้าร้าน 2 สาขาในสหรัฐฯ และทำตลาดออนไลน์ทั่วโลก ครอบคลุมมากกว่า 30 ประเทศ
ภาพหน้าแรกของ 100% PURE
บนหน้าโฮมเพจของ 100% PURE มีการโปรโมตกิจกรรมกล่องสมัครสมาชิกแบบรายเดือนอย่างโดดเด่น โดยเว็บไซต์ของ 100% PURE เน้นนำเสนอสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงจากลูกค้า เช่น สินค้าที่มีรีวิวมากที่สุด, ได้รับรางวัล, และ ยอดสั่งซื้อสูงสุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกได้ง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้น
แบรนด์ยังให้ความสำคัญอย่างมากกับลูกค้าประจำ ผ่านโปรแกรมรีวอร์ดต่าง ๆ เช่น Purist Pro สำหรับช่างแต่งหน้าและผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม มอบส่วนลด 35% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ และสิทธิ์เข้าถึงสินค้าเปิดตัวใหม่ก่อนใคร หรือ Purist Perks โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าทั่วไป มาพร้อมสิทธิประโยชันพิเศษ เช่น ส่วนลดตามฤดูกาล, ของขวัญวันเกิด, จัดส่งฟรี, สะสมคะแนนจากยอดใช้จ่าย และสิทธิพิเศษอื่นอีกมากมาย
ภาพหน้าแลนดิ้งโปรแกรมสะสมแต้มของ 100% PURE
ด้วยการทำงานทั้งบนหน้าร้านและอีคอมเมิร์ซระดับนานาชาติ เป้าหมายของ 100% PURE คือการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ราบรื่นที่สุดสำหรับทุกคน ซึ่งการเลือกประเทศและสกุลเงินอย่างง่ายดายเป็นองค์ประกอบสำคัญ
นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังต้องโหลดเร็ว อัปเดตข้อมูลสินค้าอย่างถูกต้อง และซิงก์สต๊อกแบบเรียลไทม์ ตรงนี้คือจุดที่ Shopify ช่วยยกระดับการทำงานอย่างชัดเจน
“Shopify เป็นเหมือนหน้าร้านหลักของเราในแต่ละประเทศ และช่วยให้เราสามารถเขียนโค้ดโปรโมชันเฉพาะได้ ซึ่งได้ผลดีมาก” Ric Kostick ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ 100% PURE กล่าว
การผสานระหว่าง การให้ความสำคัญกับรีวิวและฟีดแบ็กจากลูกค้า และ ระบบอีคอมเมิร์ซที่ลื่นไหล คือสูตรความสำเร็จของ 100% PURE
5. The Skin Nerd ความรู้มาก่อน สินค้าค่อยตามหลัง
เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุด The Skin Nerd เป็นแบรนด์ที่รวมทุกสิ่งเกี่ยวกับการดูแลผิวเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการให้ความรู้ด้านสกินแคร์ แบรนด์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน และผลิตภัณฑ์ต้นฉบับของตัวเอง
The Skin Nerd โปรโมตของขวัญส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าบนหน้าแรก
The Skin Nerd โปรโมตแคมเปญของขวัญพิเศษสำหรับลูกค้าบนหน้าโฮมเพจของเว็บไซต์
เว็บไซต์ของแบรนด์ชี้ไปยังส่วนสำคัญสำหรับผู้ที่มองหาคำแนะนำและผลิตภัณฑ์เพื่อปรับปรุงสภาพผิวของตัวเอง: การให้คำปรึกษาผิว, หนังสือ The Skin Nerd, บทความให้ความรู้ด้านผิว (เรียกว่า “skinformation”) และสินค้าออกใหม่
The Skin Nerd เป็นตัวอย่างชั้นนำของบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ให้ความรู้เป็นอันดับแรก ตามที่ระบุไว้บนหน้า About “The Nerd Network อาจเป็นบริการปรึกษาผิวออนไลน์แห่งแรกของโลก” ซึ่งบริการจะประกอบด้วยการให้คำปรึกษาผิวครั้งแรกและการติดตามผล, โปรแกรมปรับผิวเจ้าสาว การให้คำปรึกษาผิวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การให้คำปรึกษาผิวสำหรับวัยรุ่น และกิจกรรมสาธิตผลิตภัณฑ์
ภาพหน้าจอของหน้าจองคิวเพื่อรับคำปรึกษาผิวกับ The Skin Nerd
ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถจองการปรึกษาผิวกับ The Skin Nerd ได้อย่างง่ายดายบนเว็บไซต์
ลูกค้าที่ทำการจองจะกลายเป็นสมาชิกของ Skin Nerd Network ซึ่งจะได้รับคอนเทนต์พิเศษ การเชิญร่วมกิจกรรม และคำแนะนำด้านการดูแลผิวระยะยาว
หลังการปรึกษา ลูกค้าจะได้รับรายการแนะนำผลิตภัณฑ์จากหลายสิบแบรนด์ รวมถึง Skingredients ของ The Skin Nerd ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้จากร้านออนไลน์ของ The Skin Nerd
6. Beard & Blade คืนสินค้าฟรีคือคุณภาพที่แบรนด์กล้าการันตี
Beard & Blade เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชายจากออสเตรเลีย แบรนด์ให้บริการลูกค้ามากกว่า 300,000 คนตั้งแต่ปี 2007 ครอบคลุมสินค้าสำหรับการโกนหนวด การดูแลเส้นผม การดูแลเครา และน้ำหอม
ภาพหน้าแรกของ Beard & Blade
Beard & Blade โปรโมตข้อเสนอพิเศษและสินค้าออกใหม่บนหน้าโฮมเพจของเว็บไซต์
Beard & Blade มุ่งเน้นประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่เรียบง่ายและรวดเร็ว ออเดอร์ที่สั่งก่อนเวลา 15.00 น. จะถูกจัดส่งภายในวันเดียวกัน และลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าที่คลังสินค้าใน Clayton, Victoria ได้ภายใน 15 นาทีหลังชำระเงิน
องค์ประกอบสำคัญของการมุ่งเน้นประสบการณ์ลูกค้าคือ การคืนสินค้าฟรีนานถึงหนึ่งปีเต็มนับจากวันที่สั่งซื้อ
“เราไม่ได้ขายสินค้าเพียงเพื่อให้มีจำนวนเยอะ” Michael Muscat ผู้ร่วมก่อตั้ง Beard & Blade กล่าวกับ Australia Post “เราโฟกัสในสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือสินค้าเกี่ยวกับเส้นผม การโกน และการดูแลเครา ซึ่งหมายความว่าสินค้าทุกชิ้นมีคุณภาพสูง และเราจึงกล้ารับประกันด้วยการคืนสินค้าฟรีตั้งแต่วันแรก”
ภาพนโยบายการคืนสินค้าของ Beard & Blade บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Beard & Blade เกี่ยวกับนโยบายการคืนสินค้า
“ผู้คนในชุมชนเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาไว้ใจ Beard & Blade ได้ในการมีสินค้าทุกอย่างที่ต้องการ เราสร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลตัวเองของผู้ชาย และลูกค้ารับรู้สิ่งนี้ผ่านประสบการณ์การซื้อของพวกเขากับเรา และผ่านการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก” Ben Chidiac ผู้ร่วมก่อตั้ง Beard & Blade กล่าวกับ Australia Post
สำหรับ Beard & Blade ความง่ายในการช้อปทั้งในฐานะผู้บริโภคและในฐานะธุรกิจคือสิ่งสำคัญ โดยกลยุทธ์นี้ก็สร้างผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
7. Boie เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดกับไลน์สินค้ามินิมอล
Boie คือผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัวและดูแลช่องปากที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ร้านออนไลน์ของแบรนด์โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบเท่ สะอาดตา ไม่มีความรก และใช้โทนสีที่ดูทันสมัยและจดจำง่าย
ภาพหน้าแรกของ Boie
หน้าโฮมเพจของ Boie แบรนด์บิวตี้รักษ์โลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Boie มีไลน์สินค้าที่คัดสรรมาอย่างกระชับ โดยแบ่งออกเป็นเพียงสี่หมวดหมู่ ได้แก่ การดูแลช่องปาก, การดูแลผิว, อุปกรณ์เสริม, และ ชุดบันเดิล และมีสินค้าไม่เกินสี่ชิ้นต่อหมวดหมู่ สินค้าทุกชิ้นมี 6 สีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้แบรนด์ดูเรียบง่ายและเป็นหนึ่งเดียว
ในปี 2018 Boie ทำยอดขายได้ 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีอัตรา Conversion ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของอุตสาหกรรม และต้องการปรับปรุงการเติบโตแบบ Organic Search
หนึ่งในอัปเกรดสำคัญคือ ความสม่ำเสมอของแบรนด์ ผ่านสีและฟอนต์ที่ใช้รูปแบบเดียวกัน ปุ่มที่เด่นชัดขึ้น และข้อความที่ชัดเจนขึ้น อีกส่วนสำคัญคือการเพิ่มรีวิว
“สิ่งที่มีผลมากคือการเพิ่มรีวิวลงในเว็บไซต์” Manuel de la Cruz ผู้ร่วมก่อตั้ง Boie กล่าว “ผมคิดว่าการได้เห็นประสบการณ์ของลูกค้าคนอื่นกับสินค้าของเรา ช่วยเพิ่มอัตรา Conversion อย่างมาก”
ภาพรีวิวผลิตภัณฑ์บนหน้าผลิตภัณฑ์ของ Boie
Boie แสดงรีวิวลูกค้าบนหน้าสินค้าทุกหน้าเพื่อช่วยเพิ่มอัตราการสั่งซื้อ
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ Boie เพิ่มยอดขายขึ้นเป็น 100% ภายในหนึ่งปี การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเว็บไซต์ที่เรียบง่าย ชัดเจน และสนับสนุนแนวทางนั้นช่วยให้ Boie ทำยอดรายได้เหนือเป้าหมาย ในขณะเดียวกันก็ยังคงยึดมั่นในพันธกิจของแบรนด์ในการทำให้การดูแลตัวเองเป็นมิตรกับโลกและยั่งยืนมากขึ้น
8. Soft Services แหล่งข้อมูลที่ช่วยให้มั่นใจในผิวของตัวเอง
หนึ่งใยนเว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุด Soft Services นำเสนอผลิตภัณฑ์ คู่มือ และเครื่องมือดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด พันธกิจของแบรนด์คือการลดของเสียทั้งทางกายภาพและดิจิทัลในอุตสาหกรรมความงามและในระดับโลก
ตามคำกล่าวของทีม Soft Services พวกเขามองตัวเองมากกว่าแค่แบรนด์หรือบริษัทที่ผลิตสินค้า แต่ถือว่าสิ่งที่พวกเขาทำคือการให้บริการซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์
เว็บไซต์ของ Soft Services โดดเด่นด้วยโครงสร้างและการออกแบบที่แตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปอย่างชัดเจน
ภาพหน้าแรกอีคอมเมิร์ซที่เป็นเอกลักษณ์ของ Soft Services
Soft Services ใช้เลย์เอาต์เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ไม่เหมือนใครในการดึงดูดผู้ใช้
หน้าสินค้าที่โดดเด่นของแบรนด์ก็ใช้แนวทางเดียวกัน
ส่วนที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือรายการที่ “เหมาะ” และ “ไม่เหมาะ” กับอาการหรือสภาพผิวต่าง ๆ
ภาพหน้าผลิตภัณฑ์ของ Soft Services
ลูกค้าสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าสินค้าของ Soft Services เหมาะกับพวกเขาหรือไม่
สิ่งนี้สอดคล้องกับ Mass Index แหล่งข้อมูลโดย Soft Services ที่รวบรวมบทความจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลการดูแลรักษา และไลบรารีภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสภาพผิวของร่างกายทุกรูปแบบ
เป้าหมายของ Mass Index คือการเติมเต็มช่องว่างด้านความรู้ที่ทิ้งไว้โดยวงการดูแลผิวและสุขภาพ เกี่ยวกับปัญหาผิวที่หลากหลาย ตั้งแต่สิวที่ลำตัว รูขุมขนอุดตัน ไปจนถึงการติดเชื้อราและสะเก็ดเงิน
“เราต้องการให้ผู้คนก้าวข้ามจากการมีปัญหาผิวที่ทำให้เครียด ไปสู่ความรู้สึกมั่นใจ และนั่นคือสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของเราและการทลายข้อห้ามทางวัฒนธรรมสามารถทำได้” Rebecca Zhou ผู้ร่วมก่อตั้ง Soft Services ให้สัมภาษณ์กับ Byrdie
Mass Index และพันธกิจของบริษัทมีขนาดใหญ่กว่าสินค้าของ Soft Services เอง ตามที่ระบุบนเว็บไซต์ของแบรนด์ “Mass Index ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่บันทึกงานวิจัยและแบ่งปันให้กับผู้ที่กำลังมองหาวิธีแก้ไข แม้ว่าคำตอบอาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของเรา”
ความพยายามนี้ทำให้เว็บไซต์ Soft Services กลายเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวและต้องการคำตอบ และยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นกับผู้คนที่เข้ามาใช้ข้อมูลอีกด้วย
9. Blume ท้าทายกรอบเดิมของวงการด้วยพันธกิจที่กล้าแตกต่าง
Blume เว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดที่ขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ผิวหน้า และผลิตภัณฑ์ดูแลช่วงมีประจำเดือน โดยมุ่งเน้นส่วนผสมที่สะอาดและอ่อนโยน
Blume ให้บริการเด็กผู้หญิงและผู้หญิงทุกวัยที่ต้องการยกระดับการดูแลตัวเองและกิจวัตรประจำวัน
ภาพหน้าจอหน้าแรกของร้านเครื่องสำอางออนไลน์ Blume
Blume เน้นการรีวิวจากลูกค้าจริงและรางวัลที่ได้รับบนหน้าแรกของเว็บไซต์
“เราเริ่มต้น Blume เพราะอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการที่แทบไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่มานานกว่า 100 ปี 79% ของผู้หญิงยังใช้ผลิตภัณฑ์แบบเดียวกับที่แม่ใช้” Taran และ Bunny Ghatrora ผู้ก่อตั้ง Blume ให้สัมภาษณ์กับ Ecommerce Magazine
“ซึ่งหมายความว่า 79% ของเราอาจยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัยหรืออาจก่อให้เกิดปัญหา เพียงเพราะเราเริ่มใช้มันตั้งแต่วัยเด็ก”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Blume ประกอบด้วย ดีโอธรรมชาติ แผ่นอนามัยและผ้าอนามัยออร์แกนิก และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น มาส์กโคลน มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และออยล์รักษาสิว
ในแต่ละหน้าสินค้า Blume แสดงข้อมูลสำคัญครบถ้วน เช่น ความถี่ในการใช้ กลิ่นประเภทผิว วิธีใช้ ส่วนผสมหลักและประโยชน์ รวมถึงสินค้า Blume อื่นที่ใช้ร่วมกันได้
Blume แชร์ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของแบรนด์เอง
Blume แชร์ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของแบรนด์เอง
Blume มุ่งทำให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมทั้งลดการตีตราในเรื่องธรรมชาติของร่างกาย เช่น สิว ประจำเดือน วัยรุ่น และเพศศึกษา ผ่านผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและคอนเทนต์ด้านเพศศึกษาที่ช่วยเปิดบทสนทนาและลดทัศนคติที่เป็นข้อห้ามในสังคม
ตามเทรนด์วงการบิวตี้แบบไม่ตกกระแส
ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผิว สนับสนุนสิ่งแวดล้อม การให้ความรู้แก่ผู้บริโภค หรือการสร้างความมั่นใจในร่างกายของตัวเอง แบรนด์บิวตี้อีคอมเมิร์ซเหล่านี้คือแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับก้าวต่อไปของคุณ เพราะความงามคือเรื่องส่วนตัว การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าก็ควรเป็นแบบเฉพาะตัวเช่นกัน
คุณสามารถต่อยอดตัวอย่างเหล่านี้ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานข้อมูลเชิงลึกที่เราวิเคราะห์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จากผู้ซื้อกว่า 875 ล้านคน บนแพลตฟอร์ม Shopify ที่แวดวงสุขภาพและความงามไม่เพียงอยู่ในอันดับต้นๆ ของยอดคำสั่งซื้อรวม แต่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากช่องทาง Direct และ Affiliate ซึ่งเป็นวิธีทางการตลาดที่ทำผลงานดีที่สุดในกลุ่มนี้ตามมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ย
ตัวอย่างเว็บขายเครื่องสำอางที่ดีที่สุดทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูลใน Ecommerce Growth Guide ที่รวมเทรนด์สำคัญ พร้อมโปรแกรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณลงมือทำได้จริง เมื่อคุณมีข้อมูลและกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณจะพร้อมสร้างการเติบโตระยะยาวได้อย่างมั่นคง


